ติวเข้มคณิตศาสตร์ vs การทำโจทย์เอง: แบบไหนดีกว่า?
คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ใครหลายคนทั้งรักและเกลียดในเวลาเดียวกัน บางคนชอบเพราะมันมีตรรกะที่ชัดเจน แต่บางคนกลับรู้สึกยากเพราะมีสูตรมากมายและโจทย์พลิกแพลงไปมา พอถึงช่วงใกล้สอบ คำถามยอดฮิตที่นักเรียนและผู้ปกครองสงสัยคือ ระหว่างการ ติวเข้มคณิตศาสตร์ กับการฝึกทำโจทย์เอง แบบไหนที่จะช่วยให้คะแนนพุ่งและมั่นใจในห้องสอบมากกว่ากัน
ความจริงแล้วทั้งสองวิธีต่างมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและสไตล์การเรียนของแต่ละคน บทความนี้จะมาชวนคุยกันแบบสบาย ๆ ว่าเราควรเลือกทางไหน หรือจะผสมผสานทั้งสองให้ได้ผลดีที่สุด
ติวเข้มคณิตศาสตร์คืออะไร
คำว่า “ติวเข้มคณิตศาสตร์” หมายถึงการเรียนแบบเร่งรัด มักเกิดขึ้นในช่วงใกล้สอบใหญ่ ๆ เช่น สอบเข้ามหาวิทยาลัย สอบเข้าม.1 ม.4 หรือสอบปลายภาค จุดเด่นคือการสรุปเนื้อหาสำคัญที่ต้องรู้ พร้อมฝึกทำโจทย์หลากหลายแนวในเวลาจำกัด
การติวเข้มต่างจากการเรียนพิเศษระยะยาวตรงที่ ติวเข้มจะเน้น “เทคนิค” และ “กลยุทธ์” มากกว่า ไม่ได้ลงลึกทุกบทแต่จะโฟกัสที่หัวข้อที่ออกสอบบ่อย หรือต้องใช้ทักษะคิดวิเคราะห์สูง
ตัวอย่างเช่น การติวเข้มคณิตศาสตร์อาจประกอบด้วย
- การทบทวนสูตรสำคัญแบบสรุปย่อ
- การแนะนำวิธีลัดคิดเร็ว
- การเจาะข้อสอบเก่าและแนวข้อสอบจริง
- การเน้นทำโจทย์ที่พลิกแพลง เพื่อฝึกไหวพริบ
ข้อดีของการติวเข้มคณิตศาสตร์
- ประหยัดเวลา เหมาะสำหรับคนที่เหลือเวลาไม่มาก อยากได้สรุปสั้น ๆ แต่ครบประเด็น
- ได้เทคนิคการทำโจทย์ ติวเตอร์มักสอนเคล็ดลับ เช่น วิธีตัดช้อยส์เร็ว หรือการคิดแบบไม่ต้องแสดงวิธีละเอียด
- สร้างกำลังใจ การเรียนกับติวเตอร์ช่วยให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้สู้คนเดียว และได้แรงบันดาลใจเพิ่ม
- จำลองสนามสอบ หลายคอร์สมีการสอบเสมือนจริง ทำให้เด็กชินกับบรรยากาศก่อนวันจริง
ข้อจำกัดของการติวเข้มคณิตศาสตร์
- ถ้าไม่มีพื้นฐานเลย การติวเข้มอาจเร็วเกินไปจนตามไม่ทัน
- เน้นเทคนิคมากกว่าความเข้าใจเชิงลึก บางครั้งเด็กอาจทำได้เฉพาะโจทย์รูปแบบที่เคยเจอ
- ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดยเฉพาะคอร์สที่มีชื่อเสียง
การทำโจทย์เองคืออะไร
อีกฝั่งหนึ่งคือการ “ทำโจทย์เอง” ซึ่งหมายถึงการนั่งอ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียน และแก้โจทย์ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งติวเตอร์ วิธีนี้ถือเป็นการฝึกฝนที่แท้จริง เพราะคณิตศาสตร์คือวิชาที่ต้องลงมือทำ ยิ่งทำโจทย์มากเท่าไหร่ สมองก็จะคุ้นเคยกับรูปแบบโจทย์มากขึ้น
ข้อดีของการทำโจทย์เอง
- เข้าใจอย่างแท้จริง การแก้โจทย์ด้วยตัวเองจะทำให้เห็นจุดอ่อนของตัวเอง และบังคับให้คิดวิเคราะห์
- ฝึกความอดทนและสมาธิ คณิตศาสตร์ไม่ใช่วิชาที่เข้าใจใน 5 นาที การนั่งทำโจทย์เองทำให้สมาธิดีขึ้น
- ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียเงินค่าเรียนพิเศษ อาศัยหนังสือแบบฝึกหัดและข้อสอบเก่า
- ความภูมิใจ เวลาแก้โจทย์ยาก ๆ ได้ด้วยตัวเอง จะสร้างความมั่นใจมหาศาล
ข้อจำกัดของการทำโจทย์เอง
- อาจเสียเวลามากถ้าติดโจทย์โดยไม่มีคนช่วยอธิบาย
- ถ้าไม่มีวินัย อาจทำไม่ต่อเนื่อง
- บางครั้งทำโจทย์ผิดวิธีโดยไม่รู้ตัว ทำให้เข้าใจผิดไปเรื่อย ๆ
แล้วแบบไหนดีกว่ากัน
คำตอบคือ “ขึ้นอยู่กับตัวคุณ” ถ้ามีพื้นฐานดีอยู่แล้วและเหลือเวลาไม่มาก ติวเข้มคณิตศาสตร์ จะช่วยให้เก็บคะแนนได้เร็ว แต่ถ้าอยากเข้าใจลึกและสร้างทักษะระยะยาว การทำโจทย์เองคือสิ่งที่ขาดไม่ได้
หลายคนเลือกใช้ทั้งสองวิธีควบคู่กัน เช่น ช่วงแรกของการเตรียมสอบเน้นทำโจทย์เองเพื่อปูพื้นฐาน พอใกล้สอบแล้วค่อยไปติวเข้มเพื่อเก็บเทคนิคและสรุปภาพรวม
ตัวอย่างการผสมผสาน
- เดือนแรก: ทบทวนเนื้อหาด้วยตัวเอง ทำโจทย์พื้นฐานจากหนังสือเรียน
- เดือนที่สองถึงสาม: เริ่มทำข้อสอบเก่าและโจทย์ประยุกต์ พร้อมจดบันทึกข้อผิดพลาด
- เดือนสุดท้ายก่อนสอบ: ลงคอร์สติวเข้มคณิตศาสตร์เพื่อเก็บเทคนิค วิธีลัด และแนวข้อสอบล่าสุด
แบบนี้จะทำให้ได้ทั้งความเข้าใจเชิงลึกและความมั่นใจในสนามสอบจริง
เคล็ดลับการติวเข้มคณิตศาสตร์ให้ได้ผล
- เลือกติวเตอร์ที่ตรงสไตล์ ครูที่สอนเข้าใจง่ายและมีเทคนิคเฉพาะจะช่วยประหยัดเวลา
- ไม่พึ่งติวเข้มอย่างเดียว ต้องกลับมาทำโจทย์เองที่บ้านควบคู่ไปด้วย
- ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ระหว่างติวเข้มควรตั้งใจฟังเต็มที่ อย่าเสียเวลาไปกับสิ่งอื่น
- จดสรุปของตัวเอง ไม่ใช่แค่ตามสรุปของติวเตอร์ เพราะการเขียนเองจะทำให้จำได้ดีกว่า
เคล็ดลับการทำโจทย์เองให้ได้ผล
- เริ่มจากโจทย์ง่ายก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจ
- หมั่นตรวจคำตอบและวิธีทำ ถ้าผิดต้องหาว่าพลาดตรงไหน ไม่ใช่แค่เฉลยแล้วผ่านไป
- ตั้งเป้าหมายรายวัน เช่น วันนี้จะทำโจทย์ให้ได้ 20 ข้อ
- ใช้ข้อสอบเก่าเป็นตัววัด ลองจับเวลาเหมือนสอบจริง เพื่อฝึกการจัดการเวลา
ประสบการณ์จากนักเรียนจริง
- น้องเมย์ ม.6 เล่าว่า “ตอนแรกทำโจทย์เองอย่างเดียว รู้สึกว่าเข้าใจแต่ก็ยังช้า พอไปติวเข้มคณิตศาสตร์เพิ่ม ได้เทคนิคคิดเร็วขึ้น ทำให้สอบติดคณะที่อยากได้”
- น้องปอนด์ ม.3 บอกว่า “ผมไม่ค่อยมีงบเรียนพิเศษ เลยเน้นทำโจทย์เองจากข้อสอบเก่า พอทำเยอะ ๆ ก็เริ่มจับทางได้ สุดท้ายสอบเข้าโรงเรียนดังได้เหมือนกัน”
เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเลือกทางใดทางหนึ่งแบบสุดโต่ง แต่ควรใช้ทั้งสองวิธีตามสถานการณ์ของแต่ละคน
ระหว่าง ติวเข้มคณิตศาสตร์ และการทำโจทย์เอง ไม่มีคำตอบตายตัวว่าแบบไหนดีกว่ากัน เพราะทั้งสองอย่างมีข้อดีที่ต่างกัน ถ้าอยากได้ความรวดเร็วและเทคนิคแบบเร่งรัด ติวเข้มคือทางเลือกที่ใช่ แต่ถ้าอยากสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง การทำโจทย์เองคือสิ่งที่ขาดไม่ได้
สุดท้ายแล้ว การเรียนคณิตศาสตร์จะได้ผลดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความตั้งใจและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ลองผสมผสานทั้งสองวิธีเข้าด้วยกัน รับรองว่าคะแนนจะออกมาดีกว่าที่คิด และที่สำคัญ คุณจะไม่เพียงแค่ทำข้อสอบได้ แต่ยังได้ทักษะการคิดวิเคราะห์ที่ติดตัวไปใช้ในอนาคตด้วย








